New CSR จากความรับผิดชอบสู่ความสามารถในการทำกำไร – เรื่องที่ 553
หนังสือ บริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ พิมพ์ครั้งที่ 2 อาจารย์ จิรพร สุเมธีประสิทธิ์
ราคาปก 179 บาท
อาจารย์ จิรพร สุเมธีประสิทธิ์
https://chirapon.wordpress.com
เมื่อประชาคมโลกกำหนดให้กิจการต้องมีกิจกรรมกับสังคมและชุมชนที่เรียกว่า “ความรับผิดชอบต่อสังคม” (Corporate Social Responsibility) การพัฒนาแนวทางการดำเนินกิจกรรม CSR จึงได้เริ่มต้นขึ้นและมีการปรับตัวมาตามลำดับ จนเกิดแบบจำลอง CSR ขึ้นมากมาย
หากสรุปการพัฒนาด้านแบบจำลองล่าสุดของ CSR อาจจะประมวลภาพได้ ดังนี้
ประการที่ 1
การขยายขอบเขต CSR จาก Corporate Social Responsibility เป็นมุมมองและวิสัยทัศน์ที่กว้างขวางขึ้น เป็น Corporate Sustainable Responsibility หรือในกรณีของหน่วยงานภาครัฐ คำนี้ได้ขยายความหมายออกไปเป็น Community (Country) Sustainable Responsibility เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องคิดให้ไกลและครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิม
ประการที่ 2
กิจกรรม CSR ถูกขยายวงและแนวทางออกไปเรื่อยๆจนกลายเป็นคำว่า Beyond CSR แล้ว เพื่อให้แต่กิจการต่อยอดกิจกรรมออกไปจากเดิม รวมไปถึงการใช้กิจกรรม CSR ในการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่กิจการ แทนที่จะเป็นเรื่องของการเสียสละ การใช้จ่ายที่กิจกรรมเป็นฝ่ายให้อย่างเดียว มาสู่การเป็นฝ่ายให้และฝ่ายรับพร้อมกัน
ประการที่ 3
กิจกรรมCSR เป็นกิจกรรมหลักกิจกรรมหนึ่งในการวางแผนธุรกิจประจำปีของกิจการโดยการกิจกรรม CSR จะนำเอาจริยธรรมทางธุรกิจ (Business Ethics) เป็นตัวตั้งและใช้ในการออกแบบกิจกรรม CSR ควบคู่กับการสร้างและปกป้องคุณค่าของกิจการในด้านของความยั่งยืนในระยะยาว
ประการที่ 4
การประกอบธุรกิจของกิจการเป็นบริบทสำคัญของการวางกรอบแนวทางCSRของแต่ละกิจกรรมที่มีความแตกต่างกัน
โดยปรัชญาของ CSR คือการยอมรับว่าการประกอบการของแต่ละกิจการเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะโมเดลธุรกิจไม่อาจจะดำเนินงานได้สอดคล้องกับธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ทั้งหมด
เพราะการปฏิบัติทางอุตสาหกรรมและพัฒนาการทางธุรกิจที่มีเทคโนโลยี กระบวนการที่ก้าวหน้ามากขึ้น จึงทำให้แบบจำลอง CSR ที่เคยใช้อยู่ล้าสมัย ใช้ไม่ได้อีก เพราะกิจการจะต้องหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะทำให้แสดงบทบาทความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นในเชิงบวก ไม่ใช่เพียงแค่ทำสิ่งไม่ดีลดน้อยลงเท่านั้น
ประการที่ 5
ในแต่ละกิจการไม่อาจมอบหมายให้เฉพาะฝ่ายงานใดฝ่ายงานหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบทำกิจกรรม CSR แทนสังคมได้อีกต่อไป หากแต่ต้องกำหนดบทบาทใหม่ว่า CSR เป็นแผนงานหลักขององค์กร ซึ่งทุกฝ่ายงานจะต้องถ่ายทอดลงไปสู่โครงการย่อยและกิจกรรมย่อยในระดับฝ่ายงาน ส่วนงานและระดับรายบุคคลด้วยการเชื่อมโยงให้แทรกไว้ในกระบวนการดำเนินงานและการปฏิบัติงานประจำวัน
ประการที่ 6
การที่จะทำได้ขนาดที่แทรกกิจกรรม CSR ไว้ในกระบวนการดำเนินงานและการปฏิบัติงานประจำวันได้ จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อกิจการมีแรงจูงใจหรือผลตอบแทนที่คุ้มค่า แทนที่จะทำไปตามความจำเป็นหรืออย่างเสียไม่ได้
การดำเนินการให้ CSR เป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจนั้นมาจากความสำเร็จในการผนวกรวมการ CSR กับการดำเนินงานและปฏิบัติงานตามปกติว่ามีส่วนในการสร้างความยั่งยืนแก่กิจการเหมือนกับการขายสินค้าและทำรายได้ได้ในปัจจุบัน เพราะความสำคัญของการทำกิจกรรม CSR จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำรายได้ในอนาคต หรือเป็นแหล่งที่มาของกระแสรายได้ในอนาคต
ประการที่ 7
ในขณะที่กิจการดำเนินธุรกิจอยู่ กิจการอาจจะมีความคุ้มค่าในการบริหาร CSR มากขึ้นหากสิ่งที่กิจการดำเนินงานสามารถพิสูจน์ได้ว่าไปช่วยลดผลกระทบซึ่งเป็นต้นทุนต่อสังคมและต้นทุนต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ได้บันทึกรายการทางบัญชีในงบการเงินของกิจการโดยตรง
ซึ่งแนวคิดนี้แตกต่างจากการที่กิจการมีส่วนร่วมในงานการกุศล บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์จากการที่กิจการมีผลกำไร ณ สิ้นปีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นแนวคิดแบบดั้งเดิม
ประการที่ 8
ผลการสำรวจของ IBM ชี้ว่ากิจการส่วนใหญ่มีความเข่าใจในคุณค่าทางด้านการเงินของกิจกรรม CSR และใช้ CSR เป็นประโยชน์ในการเพิ่มโอกาสและแบบจำลองในด้านการเติบโตของกิจการ
IBM ได้พัฒนาเส้นที่แสดงเส้นทางของการพัฒนาของ CSR เรียกว่า CSR Value Curve จากจุดเริ่มต้นจนไปถึงขั้นที่สร้างการเติบโตเป็น 5 ระดับ
ระดับที่ 1
การให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ ประเพณีจารีตในแต่ละประเทศ แต่ละพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ ทำให้การดำเนินงานมีความสอดคล้องกับการยอมรับของแต่ละพื้นที่
ระดับที่ 2
การมรกิจกรรมการกุศลเชิงกลยุทธ์เป็นการพัฒนากิจกรรมการกุศลที่เป็นเรื่องทางสังคมและประเพณี ขณะเดียวกันก็มีส่วนสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของกิจการด้วย
ระดับที่ 3
การวางบรรทัดฐาน/มาตรฐานภายในกิจการที่ตั้งบนมูลค่า (Value Based) เป็นการวางระบบแบบแผนอย่างเป็นทางการของกิจการเอง ซึ่งอาจจะเป็นกฎบัตร ประกาศ กรอบแนวทางที่กำกับพฤติกรรมภายในกิจการในด้าน CSR
ระดับที่ 4
การทำกิจกรรม CSR ที่เน้นประสิทธิภาพ เป็นการเน้นการประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายภายในกิจการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีผลในการประหยัดพลังงาน ลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติด้วย
ระดับที่ 5
การวางแพลตฟอร์มการเติบโต เป็นการพัฒนาสู่ตลาดใหม่ หรือพันธมิตรกลุ่มใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ของกิจการที่อยู่บนแนวทางการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมสร้างประโยชน์ทางสังคม พร้อมกับทำกำไรให้แก่กิจการด้วย
สนใจเชิญบรรยายหัวข้อนี้ติดต่อ sumetheeprasit@hotmail.com
ยังไม่มีความเห็น
-
ล่าสุด
- รูปแบบความเสี่ยง = CHANGE + UNCLEAR + UNKNOWN
- ระบบการกำกับดูแลองค์การที่ดี
- ชุด e-BOOK : COMPLIANCE NEW GUIDEBOOK 4 เล่ม ทยอยวางจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬา
- ตำรา COMPLIANCE NEW GUIDEBOOK เล่มที่ 1/4 จำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬาแล้ว
- เสวนาฟรี UPDATE ACTUAL & VIRTUAL RISK WORLD
- e-BOOK COMPLIANCE GUIDEBOOK วางจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬา
- e-BOOK COMPLIANCE NEW GUIDEBOOK แนวคิดและกระบวนการจัดวางอย่างครบวงจรรองรับเศรษฐกิจกระแสใหม่ เล่มที่ 1
- DOMAIN V – NEW GLOBAL INTERNAL AUDIT STANDARD 2024 STANADARD 13.2
- ONLINE SEMINAR – การปฏิรูปมาตรฐานสากลด้านควบคุมภายใน บริหารความเสี่ยง และบริหาวิกฤต รองรับปัญกาสังคมและสิ่งแวดล้อม 26 เมษายน 2567
- NEW INTERNAL AUDIT STANDARDS Standard 13.2: Assessing Risks (NEW) การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง
- WORK PROGRAM ตาม DOMAIN V – NEW GLOBAL INTERNAL AUDIT STANDARDS 2024
- ตำรา e-BOOK – COMPLIANCE NEW GUIDEBOOK เล่ม 1
-
ลิงก์
-
คลังเก็บ
- เมษายน 2024 (17)
- มกราคม 2024 (2)
- ตุลาคม 2023 (5)
- กันยายน 2023 (7)
- กรกฎาคม 2023 (53)
- มิถุนายน 2023 (73)
- เมษายน 2021 (1)
- มิถุนายน 2019 (1)
- มกราคม 2018 (1)
- กันยายน 2017 (3)
- สิงหาคม 2017 (2)
- กรกฎาคม 2017 (4)
-
หมวดหมู่
- ไม่มีหมวดหมู่
-
RSS
Entries RSS
Comments RSS
ใส่ความเห็น