นวัตกรรม CSR ศตวรรษที่ 21 เน้นความยั่งยืนระยะยาว-เรื่องที่ 709
อาจารย์จิรพร สุเมธีประสิทธิ์
https://chirapon.wordpress.com
การทำกิจกรรมเพื่อสังคมหรือ Corporate Social Responsibility ตามแนวทางบริหารกิจการสมัยใหม่ ไม่ได้มาจากความตั้งใจของกิจการเป็นหลักอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเรื่องที่มีอิทธิพลมาจากพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองที่เป็นอยู่ในระดับโลกและในระดับพื้นที่ จนส่งผลให้แต่ละกิจการต้องหันมาทบทวนโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์การดำเนินงานของกิจการ เพื่อให้มั่นใจว่า CSR ของกิจการได้พิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม
แนวโน้มในอนาคตทำให้เชื่อว่าภาคประชาสังคมมีความคาดหวังว่า
- กิจการจะมีส่วนในการช่วยดูแล รักษา เยียวยาอนุรักษ์สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง และเน้นผลในเชิงประจักษ์
- ผู้บริโภค พนักงานกิจการ กิจการในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ภาครัฐจะมีพฤติกรรมในทางบวกและส่งเสริมกิจการในการดำเนินการ CSR
พัฒนาดังกล่าวได้ทำให้กิจการต้องยอมรับว่าบทบาทและกิจกรรม CSR ของตนต้องขยายวงกว้างออกไป ไม่ใช่เพื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของกิจการ หากแต่เพื่อสังคมโดยรวมอย่างแท้จริง เพียงแต่บางกิจการสามารถแสวงหาประโยชน์หรือเพิ่มความได้เปรียบในการที่ทำกิจกรรม CSR ตามแนวโน้มดังกล่าวได้อย่างเพียงพอ และมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน
แนวโน้มในอนาคตของความคาดหวังต่อการทำกิจกรรมCSR ของกิจการมีประเด็นที่น่าสนใจหลายประการ
ประการที่ 1
มาตรฐาน CSR ในระดับสากลมีแนวโน้มที่จะขยับเข้ามาใกล้เคียงกันมากขึ้น
ภายหลังจากสภาองค์การ ISO ได้ออกโรงศึกษาและประกาศใช้ ISO 26000 : Social Responsibility ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มของการที่ทั่วโลกจะอยู่บนมาตรฐานของกิจกรรม CSR ได้
แนวทางปฏิบัติที่เป็นกิจกรรม CSR จึงมีแนวโน้มที่จะใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจการขนาดใหญ่ กลาง หรือแม้แต่ขนาดเล็ก
ประการที่ 2
กิจกรรม CSR มีแนวโน้มจะเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ระดับองค์กรมากขึ้น
แต่เดิมกิจกรรม CSR ของหลายกิจการอาจจะเป็นการกำหนดแผนงานจรขึ้นมาเพื่อทำกิจกรรม CSR บางอย่างในแต่ละปีเป็นเรื่องๆ ไป แต่เนื่องจากความสำคัญของ CSR ต่อความยั่งยืนของกิจการในระยะยาว ทำให้กิจการต้องใช้มุมมองใหม่กับ CSR และวางกิจกรรม CSR ไว้ในระดับกลยุทธ์ขององค์กรที่เป้นภาระผูกพันและต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องของกิจกรรมชั่วครั้งชั่วคราวอีกต่อไป
เมื่อ CSR เป็นเรื่องของกลยุทธ์ระดับองค์กร กิจการจึงต้องกำหนดโอกาสทางธุรกิจและโอกาสทางสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมจะแทรกกิจกรรม CSR ของกิจการให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะสม
ประการที่ 3
กิจกรรม CSR ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินงานจากกิจกรรมหรือความสนใจเสริมเป็นพิเศษสู่กิจกรรมที่เป็นหัวใจหลักของการดำเนินกิจการทุกประเภท และถูกจัดลำดับความสำคัญอยู่ในระดับสูงลำดับต้นๆ ที่มีการกำหนดวงเงินงบประมาณและได้รับการจัดสรรทรัพยากร เวลา บุคลากรมาดำเนินกิจกรรม CSR อย่างชัดเจน
ประการที่ 4
การบริหารต้นทุนของการทำกิจกรรม CSR เป็นแนวทางบริหารจัดการเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาและแยกเป็นการบริหารแนวใหม่ที่เรียกว่า “การบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์” หรือ Strategic Cost Management
แนวคิดหลักของการบริหารต้นทุนของการทำกิจกรรม CSR คือ หากแทรกกิจกรรม CSR ในกระบวนงาน ภาระงาน และการดำเนินธุรกรรมตามปกติของกิจการได้ ไม่ต้องแยกกิจกรรมออกมาต่างหากและต้องเกิดต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มเติม กิจการก็จะสามารถประหยัดต้นทุนของการทำ CSR ได้
ในการดำเนินการบริหารต้นทุนส่วนนี้จะเปลี่ยนจากการเรียก CSR เฉยๆไปเป็น Strategic CSR แทนและถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือการสร้างแบรนด์และมูลค่าของกิจการในระยะยาว
นอกจากนั้น
นอกจากนั้น Strategic CSRได้เพิ่มเป้าหมายของการดำเนินงานออกไปสู่ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายภายนอกที่อาจจะเป็น
- ผู้บริโภค
- ผู้ประกอบการอื่นในห่วงโซ่อุปทาน
- ผู้ด้อยโอกาส ตกทุกข์ได้ยาก กลุ่มที่ไร้ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ตามลำพัง
นอกจากนั้น การบริหารต้นทุนยังขยายไปสู่การบริหารความคุ้มค่าของการลงทุนในกิจกรรม CSR ด้วย ซึ่งทำให้กิจกรรม CSR ต้องกำหนดเครื่องมือในการวัดผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนการดำเนินกิจกรรม CSR โดยต้องกำหนดเงื่อนไขและเกณฑ์ในการวัดผลการดำเนินงานของ CSR ว่าจะวัดผลลัพธ์ที่เกิดอย่างไร เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้นทุนที่ใช้ไปกับกิจกรรมCSRมีผลที่คุ้มค่ามากน้อยเพียงใด
วิธีการวัดผลการทำกิจกรรม CSR อาจจะเป็นการวัด
- ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
- ผลตอบแทนทางสังคม
- ผลตอบแทนทางด้านสิ่งแวดล้อม
- ผลตอบแทนด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่กิจการ
ประการที่ 5
การทำกิจกรรม CSR ยังมีโอกาสที่จะสร้างนวัตกรรมได้อีก
นวัตกรรมของกิจกรรมCSRที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในตอนนี้คือคำว่า “ความยั่งยืน” หรือ Sustainability ซึ่งเน้นกิจกรรม CSR ที่ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย ซึ่งอาจจะครอบคลุมถึง
- กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ ปัจจัยนำเข้าสู่กิจการ
- กระบวนการผลิตหรือแปรรูป
- กระบวนการกำจัดขยะที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่ส่งมอบ
- กระบวนการนำขยะ ของสูญเปล่าจากกิจการมาสร้างเป็นผลผลิตใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้การทำกิจกรรม CSR อย่างมีนวัตกรรมจำเป็นต้องอาศัยตัวขับเคลื่อนสำคัญคือ
- ความเป็น Learning Organization
- โครงสร้างองค์กรหรือ Organizational Structure
- องค์ประกอบทางสังคมที่เกี่ยวข้อง
- ปรัชญาในการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมของกิจการ
- สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่เกิดภัยพิบัติ วิกฤติการณ์จนกระทบต่อการดำเนินงานโดยรวม ทำให้การดำเนินงานยังอยู่ในภาวะปกติ
สนใจเชิญบรรยายหัวข้อนี้ติดต่อ sumetheeprasit@hotmail.com
ยังไม่มีความเห็น
-
ล่าสุด
- หลักสูตรใหม่ NIDA ด้านบริหารความเสี่ยง ควบคุมภายใน ตรวจสอบภายใน เดือนพฤษภาคม 2567
- รูปแบบความเสี่ยง = CHANGE + UNCLEAR + UNKNOWN
- ระบบการกำกับดูแลองค์การที่ดี
- ชุด e-BOOK : COMPLIANCE NEW GUIDEBOOK 4 เล่ม ทยอยวางจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬา
- ตำรา COMPLIANCE NEW GUIDEBOOK เล่มที่ 1/4 จำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬาแล้ว
- เสวนาฟรี UPDATE ACTUAL & VIRTUAL RISK WORLD
- e-BOOK COMPLIANCE GUIDEBOOK วางจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬา
- e-BOOK COMPLIANCE NEW GUIDEBOOK แนวคิดและกระบวนการจัดวางอย่างครบวงจรรองรับเศรษฐกิจกระแสใหม่ เล่มที่ 1
- DOMAIN V – NEW GLOBAL INTERNAL AUDIT STANDARD 2024 STANADARD 13.2
- ONLINE SEMINAR – การปฏิรูปมาตรฐานสากลด้านควบคุมภายใน บริหารความเสี่ยง และบริหาวิกฤต รองรับปัญกาสังคมและสิ่งแวดล้อม 26 เมษายน 2567
- NEW INTERNAL AUDIT STANDARDS Standard 13.2: Assessing Risks (NEW) การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง
- WORK PROGRAM ตาม DOMAIN V – NEW GLOBAL INTERNAL AUDIT STANDARDS 2024
-
ลิงก์
-
คลังเก็บ
- เมษายน 2024 (18)
- มกราคม 2024 (2)
- ตุลาคม 2023 (5)
- กันยายน 2023 (7)
- กรกฎาคม 2023 (53)
- มิถุนายน 2023 (73)
- เมษายน 2021 (1)
- มิถุนายน 2019 (1)
- มกราคม 2018 (1)
- กันยายน 2017 (3)
- สิงหาคม 2017 (2)
- กรกฎาคม 2017 (4)
-
หมวดหมู่
- ไม่มีหมวดหมู่
-
RSS
Entries RSS
Comments RSS
ใส่ความเห็น